Sunday, 26 March 2023

"สู่ขวัญ บูลกุล" ในวัย 50 รู้สุขรู้ทุกข์ ออกแบบการจากลาของตัวเองไว้แล้ว ไม่อยากกลับมาเกิดอีก

เป็นเพศหญิงต้นแบบของสาวๆคนไม่ใช่น้อยในยุคนี้ สำหรับ “สู่ขวัญ บูลกุล” ที่ปีนี้ย่างเข้าเลข 5 แล้ว สู่ขวัญได้มาเปิดใจในรายการ WOODY FM ถึงเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา ทั้งสุข แล้วก็ ทุกข์ รวมถึงการผ่านวาระของการจากลา ที่เป็นตอนๆที่ทุกข์ที่สุดในชีวิต จนถึง ไม่คิดต้องการจะเกิดมาอีกแล้ว

ชอบพลังงานดี ๆ ในวัยนี้?

“ใช่ พวกเรามีความรู้สึกว่า ยิ่งเราอายุมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเรายิ่งชอบตนเองเยอะขึ้นเรื่อยๆ

ยุคเก่าคำว่า รักตัวเอง พวกเราไม่เก็ตเลย มันยังไง แสดงว่าอะไร ฉันจำต้องทำทุกอย่างเพื่อตนเองเหรอ สุข ทุกข์ ที่มันผ่านมาในชีวิตพวกเรา เรียนรู้กับมัน ตอนทุกข์ ก็ทุกข์ ตอนสุข ก็สุข แต่มันทำให้เราเข้าใจชีวิต รวมทั้ง รู้จักชีวิต

จนกระทั่งมาเป็นวันนี้ พวกเรามิได้เพอร์เฟกต์ และ ไม่ได้มีทุกอย่าง แต่พวกเราก็เดิน ก้าว ข้ามผ่านทุกอย่างมาได้ บางทีก็ไปได้อย่างรวดเร็ว บางทีก็ไปได้ช้า บางทีก็จำเป็นต้องลงไปพักก่อน ลุกไม่ไหว แต่ในที่สุดพวกเราก็ผ่านหลายอย่างมาแล้ว

จะเรียกว่าภูมิใจก็ได้ จะเรียกว่า เรารู้จักชีวิตก็ได้ พวกเราไม่ค่อยกลัว ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเราเชื่อว่ามันจะผ่านไปได้ ทั้งหมดจะเป็นเรื่องราวในชีวิตที่สุดท้าย เราจะทราบดีว่าที่มาถึงวันนี้ เป็นเพราะตัวเรา

เนื่องจากว่าการพูดถึงชีวิตมันไม่มีใครช่วยเหลือกันได้นะ คุณจำต้องเดินไปด้วยตัวเอง ทุกปัญหา ทุกอุปสรรค มีคนยื่นกำลังใจได้ ให้คำปรึกษาได้ ให้ความรักได้ แต่คนที่ในที่สุดจำเป็นต้องยืนขึ้น แล้วก็เดินไปเองให้ได้คือ เรา”

จริง ๆ แล้วชีวิตมนุษย์ มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่อยู่กับสิ่งที่พวกเรามีอยู่?

“มันบางครั้งก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดี ที่สุด ที่พวกเราทำเป็นก็ได้ แต่พวกเรามานะที่จะคิดทำอะไรให้มันยากไปอีก มันจะต้องค้นหากรรมวิธี หรือยังไง แต่สุดท้าย มันก็คืออยู่กับโมเมนต์นั้น ให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะ สุข หรือ ทุกข์ มันจะผ่านไปทุกวินาที อันนั้นแหละ คือดีที่สุดแล้ว ที่พวกเราจะทำได้”

สู่ขวัญ

“สู่ขวัญ บูลกุล” เคยบอกไว้ว่า อีก 5 ปีจะออกจากแวดวง ในตอนนี้ยังเหลืออีก 1 ปี แต่ สู่ขวัญ ก็ไม่เชิงว่า อยู่ในวงการ?

“(หัวเราะ) ยังคิดอยู่เสมอเวลา ยังคิดอยู่เรื่อยนะ หากเราไม่ทำอะไรทุกอย่าง ที่เราทำอยู่เวลานี้ จะคืออะไร แต่ขวัญพบว่าเรามักจะรักคนที่ทำงานด้วยเสมอเลย มันเลยเป็นอีกหนึ่งเรื่องไป ไม่ใช่ว่าพวกเราอยู่ในแวดวง หรืออะไร ขวัญเป็นคนโชคดี เรื่องคน ทุกครั้ง คนที่ขวัญทำงานด้วย จะกลายเป็นเพื่อนในชีวิตจริงไปหมดเลย โดยเหตุนี้การออกจากวงการมันยากตรงที่พวกเขาเป็นเพื่อนเรา การที่ไปดำเนินงานเสมือนการได้ไปพบเพื่อนพ้อง ซึ่งเราก็รักเขา และ ยังต้องการพบเขาอยู่เสมอ”

ชีวิตโดยรวมยังมีอะไรที่รู้สึกอยากจะค้นหาอีกไหม?

“ขวัญว่าเราไม่ต้องไปค้นหรอกจ้ะ ชีวิตมันใส่อะไรให้พวกเรามาตลอด โดยที่เราไม่ต้องค้นหา ขวัญว่าเราจัดการมันให้ได้ดีกว่า ยิ่งโตขึ้น ประสบการณ์ชีวิตเยอะขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ชีวิตมันโยงให้เรา มันบางทีก็อาจจะสลับซับซ้อนขึ้น ยากขึ้น เพราะเหตุใดที่มันผ่านมาแล้ว มันง่ายไปแล้ว เราก็จะไม่ไปโฟกัสกับมัน พวกเราจะก้าวข้ามผ่านมันไป โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความมานะบากบั่นแล้ว พวกเรารู้ พวกเราเข้าใจว่าเราจะผ่านมันไปอย่างไร เราทราบเราเข้าใจว่าพวกเราจะคิดกับเรื่อง ๆ นั้นอย่างไร ชีวิตมันยังเป็นอะไร ที่อเมซิ่งเสมอ

ถึงปีนี้ ขวัญ 50 ปี ขวัญก็ไม่เชื่อว่า ขวัญเข้าใจชีวิตดี เพียงแต่แต่ว่า พวกเราเรียนรู้ที่จะดำรงชีวิตอยู่กับ สุข และ ทุกข์ พอใจ ไม่พอใจ เสร็จ แล้วก็ ผิดหวัง ทราบดีว่าจะอยู่กับสิ่งต่าง ๆ และอารมณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ยังไง แต่พี่ขวัญก็ไม่เชื่อว่า พี่ขวัญเข้าใจชีวิตได้ดี เรามั่นใจว่ามันยังมีอีกมากมาย เพียงเมื่อพวกเรามาถึงบางครั้งบางคราว บางที เมื่อพวกเราจะต้องพบอะไร เราก็จะพบสิ่งนั้นเอง”

4 ปีที่ผ่านมา เรื่องที่ทุกข์ที่สุด คืออะไร ก้าวผ่านยังไง?

“ทุกข์ที่สุดคือ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจากไปของคุณพ่อและก็รวมทั้งคุณแม่ ด้วยเหตุว่าภายใน 3 ปี ที่ผ่านมา เสียเรียงกันเลยค่ะ พ่อเสียไปก่อน ป๋าเสียปี 2019 แม่เสียปีที่แล้ว ถือได้ว่าเป็นการสูญเสีย ที่มันก็ให้ความจริงของชีวิตจริง ๆ

ด้วยเหตุว่าสำหรับขวัญป๊ะป๋าสำคัญมากในชีวิต แต่พวกเราก็รู้มาตลอด เพราะป๊ะป๋าไม่ได้กะทันหัน แต่แกไม่สบายมายาวนานหลายปีแล้ว พวกเราก็รู้ว่ามันมีวันใดวันหนึ่งแน่นอน ก็คุยกับตัวเองว่า สิ่งที่จะก่อให้พวกเราเสียใจ คือ ณ เวลาที่เรามีอยู่ เพราะอะไรเราถึงไม่ทำ

ตอนที่ป๋ายังอยู่ ใน วันเวลานั้น ณ สิ่งแวดล้อมนั้น ใน ความรู้ความเข้าใจตอนนั้นทุกอย่างที่พวกเราพอจะทำได้ เราว่าเราได้ทำเต็มที่แล้ว เมื่อคุณพ่อจากไป พวกเราก็น่าจะเดินต่อไปได้ ซึ่งเราก็เดินต่อไปได้จริง ๆ ค่ะ แต่ความทุกข์ใจมันหนักมาก เหมือนกับว่าบางอย่าง ฉีก แล้วหายวับไปเลยจากชีวิต ชีวิตมันต่อรองไม่ได้จริง ๆ เรื่องความจริงชีวิต มันต่อรองไม่ได้จริง ๆ มีบางอย่างฉีกจนขาดหายวับไปกับตาเลย ขนาดว่าเราเตรียมพร้อมมาอย่างดีแล้ว พวกเราก็ยังคิดว่า มันส่งผลกระทบกับเราม๊าก…มากมายๆๆๆ

พวกเราทำทุกอย่างมาอย่างดี ตระเตรียมใจมาอย่างดี ในช่วงเวลานั้นไม่มีฟูมฟาย จน ลอยอังคารเสร็จราวกับทุกอย่างมันถั่งโถม พวกเรารู้สึกได้เลยว่า นี่คือความทุกข์ ถ้าเกิดจะเป็นความทุกข์แบบไหน ที่พวกเรามีความรู้สึกว่าไม่ต้องการที่จะอยากกลับมาเกิดอีกแล้ว

เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาพบกับความทุกข์อย่างงี้อีก เนื่องจากว่ามันหนัก ยิ่งพวกเรามองเห็นลูกเราสลด จากที่เราระทดอยู่แล้ว มันยิ่งสลดไปอีกเท่านึง เรายิ่งต้องทรหดอดทน พี่ขวัญบอกเลยว่า ความอดทนของผู้คนไม่มีข้อจำกัด”

สู่ขวัญ บูลกุล

“สู่ขวัญ” มีคุยกับสามีแล้ว หากเธอรั้งฉันไว้ ฉันจะกลับมาหลอก?

“ใช่ ก็คุยกับพี่โชคไว้ พี่โชคเขาจะกล่าวว่ามิได้สิ ถ้าเกิดพวกเรายังมีโอกาส พวกเราจำต้องทำแบบเต็มที่ ทำสุดความสามารถ ที่เราจะทำเป็น มีโอกาสพวกเราจะต้องสู้ ขวัญก็พูดว่า ประเดี๋ยวก่อนจ้ะ สู้นี่ดิฉัน ดิฉันทรมานนะคะ ทุกวันนี้ขวัญดำเนินชีวิตอย่างรู้คุณค่าของชีวิต ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้เสียใจกับเรื่องอะไร ก็ทำเต็มที่ ทุกวันนี้ตื่นมารู้สุข รู้ทุกข์ ในแต่ละวัน เมื่อมีความสุขก็รู้คุณค่าของความสุข เมื่อพบความทุกข์ทรมาน ก็เข้าใจว่านี่ล่ะ คือการเรียนของชีวิต ไม่เคยประมาทกับมัน ไม่เคยไม่เห็นคุณค่าของชีวิต

หากวันนึงพวกเราเป็นอะไรไป แล้วมันต้องเป็นความทรมาทรกรรม สำหรับในการรักษา แม่มีความคิดว่าแม่โอเค ปลดปล่อยเหอะ มานะบอกกับลูกไว้ แต่กับสามีมองแบบเหมือนจำเป็นต้องรักษาไหม พวกเราเลยจะต้องใช้มุก ถ้าเกิดมายืดแบบทรมาทรกรรมนะ การันตี พี่ล้างหน้าล้างตาอยู่แหงนหน้าขึ้นมา พี่เห็นขวัญอยู่ข้างหลังแน่นอน คือข่มขู่ไว้ก่อนเลย พี่จะเจอกับขวัญอีกภาคนึงแน่ๆ”

แล้วสุขในแต่ละวันของพวกเรา?

“แค่ทุกยามเช้า มีกาแฟก็แฮปปี้แล้ว นี่คือสิ่งที่พี่ขวัญมีความสุข ในทุก ๆ เช้าของวัน ตื่นรุ่งเช้ามาทำนั้นทำนี้ ทำกับข้าวเสร็จ ก็นั่งทานกาแฟ นั่งมองต้นไม้ ได้นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆอากาศดี ก็แฮปปี้ แดดดีก็สวย วันนี้ครึ้ม ๆ มันก็เป็นอีกแบบนึง หนาวนี้หนาวอยู่ยาวนานหลายวัน ก็รู้สึกโชคดี ที่ปีนี้หนาวนาน ยังแฮปปี้กับโมเมนต์นั้นดังเดิม หากสู่ขวัญ อาทิตย์หน้าต้องตายแล้วนะ อะไรบ้างที่เรานึกถึง อาจจะคิดถึงตอนที่พวกเรานั่งกินกาแฟเฉยๆของเราผู้เดียว ช่วงเวลาเช้า นั่งดูต้นไม้ แล้วคิดโน่น คิดนี่ไป”

มันเรียบง่ายอย่างยิ่ง?

“ขวัญรู้สึกว่า ขวัญโชคดี ที่ว่าถ้าเกิดความสุขของขวัญ มันง่ายเพียงเท่านี้มันก็กลายเป็นขวัญ มีความสุขได้ทุกวันเลยเนอะ ถึงแม้ว่าจะเรามีเรื่องมีราวทุกข์อยู่ เราก็จะตื่นมาแล้วมีโมเมนต์นั้น เป็นตอนที่เราได้อยู่เงียบๆแล้วคิด ปล่อยวางกับอะไรบางอย่าง คิดที่จะช่างมันเถอะ รวมทั้งสารภาพกับความไม่ได้ดั่งใจนั้น แม้กระทั่งมันมีความสุข หรือ ทุกข์ มันก็เป็นจังหวะที่ดี เป็นโมเมนต์ที่ดี ประจำวันที่เรามีอยู่ในวันแล้ววันเล่า”